** ฎีกาเทียบเคียงกับกรณีสาวรถ เก๋งชนกลุ่มนักปั่นเสียชีวิ ต/ บาดเจ็บสาหัสที่จังหวัดเชียง ใหม่เช้านี้ครับ
คำพิพากษาศาลฎีกา 4067/2550
การที่จำเลยขับรถในขณะเมาสุ รา อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ มาตรา 43 (2), 160 วรรคสาม กับการที่จำเลยขับรถโดยประม าทแซงรถที่อยู่ข้างหน้าไปใน หน้าไปในช่องเดินรถขวามือใน ขณะที่ผู้ตายขับสวนมา เป็นเหตุให้ชนรถจักรยานยนต์ ของผู้ตายเสียหายและทำให้ผู ้ตายถึงแก่ความตาย อันเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 291 และ พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ มาตรา 43 (4), 157 นั้น เป็นการกระทำที่เกี่ยวเนื่อ งและเป็นผลโดยตรงที่ทำให้ผู ้ตายถึงแก่ความตาย จึงเป็นการกระทำกรรมเดียว ต้องลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 291 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่ส ุด
คำพิพากษาฉบับเต็ม:
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตา มประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58, 91, 291 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43, 157, 160 และจำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึ งที่สุดของศาลชั้นต้นให้ลงโ ทษจำคุกมีกำหนด 1 เดือน โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มี กำหนด 1 ปี ในข้อหาขับรถขณะเมาสุรา ตามคดีอาญาหมายเลขดำที่ 706/2548 หมายเลขแดงที่ 674/ 2548 ภายในระยะเวลาที่ศาลกำหนดรอการลง โทษจำคุกไว้ในคดีดังกล่าว จำเลยกลับมากระทำความผิดในค ดีนี้อีก อันมิใช่ความผิดที่ได้กระทำ โดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ ขอให้บวกโทษของจำเลยที่รอกา รลงโทษไว้ในคดีดังกล่าวเข้า กับโทษของจำเลยในคดีนี้
จำเลยให้การับสารภาพ และรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวก ับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้บ วกโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎห มายอาญา มาตรา 291 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43 (2) (4), 157, 160 วรรคสาม เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎ หมายอาญา มาตรา 91 ฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุใ ห้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ได้รับอันตรายสาหัสและได้รั บอันตรายแก่กาย (ที่ถูก ฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุใ ห้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและฐ านขับรถโดยประมาทอันอาจเกิด อันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์ส ิน) เป็นกรรมเดียวกัน ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหน ักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญ า มาตรา 90 จำคุก 4 ปี ฐานขับรถในขณะเมาสุรา จำคุก 2 เดือน รวมจำคุก 4 ปี 2 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นปร ะโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบ รรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี 1 เดือน บวกโทษจำคุก 1 เดือน ที่ศาลรอการลงโทษไว้ในคดีอา ญาหมายเลขแดงที่ 674/2548 ของศาลชั้นต้น รวมจำคุก 2 ปี 2 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำขอบวกโทษจำคุกในคดีอ าญาหมายเลขแดงที่ 674/ 2548 ของศาลชั้นต้นเข้ากับโทษคดีนี้ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำ พิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาแล ะลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต ้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเ ท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตาม ฎีกาจำเลยว่า สมควรลงโทษจำเลยสถานเบาและร อการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยห รือไม่ เห็นว่า ในส่วนความผิดฐานกระทำโดยปร ะมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแ ก่ความตายนั้น จำเลยขับรถยนต์กระบะบรรทุกใ นขณะที่จำเลยเมาสุราแซงรถที ่อยู่ข้างหน้าล้ำเข้าไปในช่ องทางรถสวนในขณะที่รถจักรยา นยนต์แล่นสวนทางมาในระยะกระ ชั้นชิดซึ่งเป็นการขับรถที่ ฝ่าฝืนต่อกฎหมายเป็นเหตุให้ เฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์ที ่นายพิบูลย์ศักดิ์หรือบอยขั บสวนมา รถจักรยานยนต์ดังกล่าวเสียห ายและนายพิบูลย์ศักดิ์หรือบ อยถึงแก่ความตาย การกระทำของจำเลยนอกจากจะเป ็นการขับรถโดยฝ่าฝืนต่อกฎหม ายแล้วยังมิได้คำนึงถึงความ ปลอดภัยของผู้ร่วมใช้ถนน ตามพฤติการณ์เป็นเรื่องร้าย แรง อีกทั้งจำเลยเคยต้องคำพิพาก ษาของศาลชั้นต้นในความผิดฐา นขับรถในขณะเมาสุรามาครั้งห นึ่งแล้ว โดยศาลในคดีก่อนให้โอกาสจำเ ลยโดยรอการลงโทษจำคุกไว้ แต่จำเลยไม่เข็ดหลาบกลับมาก ระทำความผิดในลักษณะเดียวกั นอีก แม้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้ แก่ฝ่ายผู้ตายจนไม่ติดใจเอา ความแก่จำเลย และจำเลยมีภาระต้องเลี้ยงดู ครอบครัว ก็ไม่มีเหตุเพียงพอที่จะลงโ ทษจำเลยให้เบาลงอีกและรอการ ลงโทษจำคุกให้แก่จำเลย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษามานั้นเหมาะสมแก่พฤต ิการณ์แห่งคดีแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ ยนแปลงแก้ไข ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง การที่จำเลยขับรถในขณะเมาสุ รา อันเป็นความผิดตามพระราชบัญ ญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43 (2), 160 วรรคสาม กับการที่จำเลยขับรถโดยประม าณแซงรถที่อยู่ข้างหน้าไปใน ช่องเดินรถขวามือในขณะที่ผู ้ตายขับสวนมาเป็นเหตุชนรถจั กรยานยนต์ของผู้ตายเสียหายแ ละทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย อันเป็นความผิดตามประมวลกฎห มายอาญา มาตรา 291 และพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43 (4), 157 นั้น เป็นการกระทำที่เกี่ยวเนื่อ งและเป็นผลโดยตรงที่ทำให้ผู ้ตายถึงแก่ความตาย จึงเป็นการกระทำกรรมเดียว ต้องลงโทษตามประมวลกฎหมายอา ญา มาตรา 291 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่ส ุดที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษา ลงโทษจำเลยฐานขับรถขณะเมาสุ ราเป็นความผิดอีกกระทงหนึ่ง นั้น จึงเป็นการมิชอบ ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมาย ที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้ อย แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิ จฉัยและแก้ไขเสียให้ถูกต้อง ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจา รณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225"
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎห มายอาญา มาตรา 291 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43 (2) (4), 157, 160 วรรคสาม เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดี ยวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลาย บทให้ลงโทษตามประมวลกฎมายอา ญา มาตรา 291 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่ส ุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 4 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 78 จำคุก 2 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำ พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6
เนื้อหา ที่มา เพจฏีกาน่าสนใจ
รูปภาพ ที่มา เพจDrama-addict
คำพิพากษาศาลฎีกา 4067/2550
การที่จำเลยขับรถในขณะเมาสุ
คำพิพากษาฉบับเต็ม:
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตา
จำเลยให้การับสารภาพ และรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวก
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎห
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำขอบวกโทษจำคุกในคดีอ
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาแล
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตาม
อนึ่ง การที่จำเลยขับรถในขณะเมาสุ
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎห
เนื้อหา ที่มา เพจฏีกาน่าสนใจ
รูปภาพ ที่มา เพจDrama-addict
ขอบคุณข้อมูลดีๆจากเพจ ปรึกษากฎหมายฟรี
0 ความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น