รายการล่าสุด

วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

เพลงลาวเพราะๆ ร็อกโดนใจ

เพลงลาวเพราะๆ ร็อกโดนใจ

วันศุกร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

เพื่อนยืมรถเราไปขับ แล้วชนชาวบ้านเราจะมีความผิดหรือไม่?



เพื่อนยืมรถเราไปแว้นๆๆ แล้วชนชาวบ้านเราจะมีความผิดมั้ยนะไปดูกันเลย
ฏีกา 5679/2545

ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 437 ที่กำหนดว่าบุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแลยานพาหนะใดอันเดินด้วยกำลังเครื่องจักรกล บุคคลนั้นต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น ผู้ครอบครอง หมายถึง ผู้ใช้ยานพาหนะนั้นในฐานะเป็นผู้ยึดถือในขณะเกิดความเสียหาย หรือเป็นผู้ครอบครองยานพาหนะนั้นอยู่ในขณะเกิดเหตุ ฉะนั้น เมื่อจำเลยมิได้เป็นผู้ขับหรือโดยสารไปในรถยนต์ด้วยแม้จะมีชื่อในทะเบียนเป็นเจ้าของรถยนต์คันเกิดเหตุก็ตาม ก็ถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้ครอบครองหรือควบคุมดูแลรถยนต์คันเกิดเหตุตามความในมาตราดังกล่าว จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ทั้งสอง



10 เรื่อง "ต้อง" รู้เกี่ยวกับประกันภัย




1. กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์จะมีผลทันทีที่ผู้เอาประกันชำระเบี้ยประกันภัยให้ กับบริษัท (รวมไปถึงนายหน้าผู้เอาประกันด้วย) ดังนั้นแม้การซื้อผ่านนายหน้าถ้ามีใบเสร็จรับเงินที่ถูกต้องก็จะปฏิเสธความ รับผิดชอบมิได้

2. ในกรณีที่รถคุณเสียหายอย่างสิ้นเชิง ไม่สามารถซ่อมกลับคืนได้ บริษัทต้องจ่ายเงินให้แก่ผู้เอาประกันเต็มทุนประกัน และรถคันนั้นจะตกเป็นทรัพย์สินของบริษัทประกันภัย

3. ค่าแอกเซ็ปต์ หรือค่าใช้จ่ายส่วนแรกนั้น ในกรณีไม่มีคู่กรณีจะจ่ายเพียง 1,000 บาท เท่านั้น แต่ถ้าคนอื่นขับไปทำให้เกิดความเสียหาย ต้องจ่าย 6,000 บาท

4. ค่าอะไหล่ที่เกิดจากการซ่อม ผู้เอาประกันสามารถเรียกร้องเป็นเงินตามราคาประเมินเพื่อนำไปจัดหาเองได้ ในกรณีที่ไม่แน่ใจว่าจะได้อะไหล่แท้หรือไม่

5. หากภายในรถของคุณมีการติดตั้งอุปกรณ์สำหรับระบบก๊าซ NGV หรือ LPG เจ้าของรถมีหน้าที่ต้องแจ้งให้บริษัททราบ เพราะหากเกิดเหตุและรถคันเอาประกันเป็นฝ่ายผิด ความคุ้มครองที่จะได้รับจากการประกันอาจไม่สมบูรณ์

6. หากคุณขับรถชนกับรถคู่กรณีที่ไม่มีประกันภัยและรถของท่านเป็น "ฝ่ายถูก" คุณควรตรวจสอบไปที่บริษัทประกันภัยว่าตามรายงานอุบัติเหตุนั้น รถของคุณเป็นฝ่ายถูกจริงเหรอ ทั้งนี้เพื่อผลประโยชน์

7. การดูแลขนย้ายรถที่เสียหายเนื่องจากอุบัติเหตุเพื่อไปซ่อมที่อู่เป็นหน้าที่ ของบริษัท แม้ว่าจะต้องย้ายรถไปโรงพักหรือที่ใดก็ตามตั้งแต่หลังเกิดเหตุจนกระทั่งซ่อม เสร็จ บริษัทประกันภัยจะต้องรับภาระส่วนนี้ แต่ไม่เกินร้อยละยี่สิบของค่าซ่อม

8. ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชน และคุณไม่แน่ใจว่าเป็นฝ่ายถูกหรือผิด คุณไม่จำเป็นต้องเซ็นรับผิดในใบเครม เพราะไม่ใช่กติกาหรือข้อกฏหมายแต่เป็นหน้าที่ที่บริษัทซึ่งคุณทำประกันจะไป ทำการตกลง

9. อย่าคิดหนีในกรณีที่ขับรถชนคน ให้ช่วยเหลือคนเจ็บให้เต็มที่ และถ่ายรูปหลักฐานที่เกิดเหตุไว้ต่อสู้คดี เพราะศาลจะพิจารณาจากความมีน้ำใจที่คุณช่วยเหลือผู้อื่น บางทีโทษทางอาญาอาจเหลือแค่การรอลงอาญา และตกลงค่าเสียหายกันตามสมควรแต่ถ้าคุณหนีจะติดคุกทันท

10. ประกันภัยจะไม่คุ้มครองความเสียหายในขณะที่รถของคุณถูกลากจูง หรือขับรถขณะที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดไม่น้อยกว่า 150mg% หรือขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่ เว้นแต่ในกรณีที่ทำประกันประเภทระบุชื่อคนขับ และความเสียหายนั้นเกิดขึ้นในขณะที่คนระบุชื่อเป็นผู้ขับขี่



ขอบคุณข้อมูลดีๆจากเพจ ปรึกษากฎหมายฟรี

มัดจำชื้อรถจัดไฟแนนซ์ไม่ผ่านขอเงินคืนได้หรือไม่?




ข้อเท็จจริง ผู้ร้องไปมัดจำซื้อรถมือสองกับเต็นท์รถในกรุงเทพ ตกลงว่าถ้าจัดไฟแนนซ์ไม่ผ่าน เต็นท์รถจะคืนเงินมัดจำให้ ซึ่งผู้ร้องไม่มีแบล็คลิสเพราะผู้ร้องเคยตรวจโดยให้ธนาคาร ก. เช็คเครดิตบูโรแล้ว ซึ่งกับเต็นท์รถนี้จัดไฟแนนซ์แรกที่ธนาคาร ข.

ไม่ผ่าน แล้วเต็นท์รถบอกผู้ร้องว่าจะหาให้ใหม่ เลยไปจัดธนาคาร ค. โดยธนาคาร ค. นี้เต็นท์รถบอกว่าผ่าน แต่ยอดจัดไฟแนนซ์ได้แค่ประมาณไม่เกิน 300,000 บาท แต่รถที่ผู้ร้องจองนั้นเป็นรถยี่ห้อหนึ่ง ราคา 389,000 บาท ทางเต็นท์จึงบอกให้ผู้ร้องเปลี่ยนคัน ซึ่งรถคันที่เต็นท์รถเสนอมา ผู้ร้องไม่ชอบ ผู้ร้องจึงขอมัดจำคืน แต่ทางเต็นท์รถบอกคืนไม่ได้เพราะเสียโอกาสในการขายรถคันนั้นไปแล้ว ซึ่งจริงๆแล้วผู้ร้องเห็นว่าหลังจากที่รับมัดจำไปแล้วเต็นท์ก็ยังประกาศในเวปไซต์ แต่ผู้ร้องไม่ได้พูดไป ซึ่งทางเต็นท์ก็เหมือนถามว่าผู้ร้องไปทำเรื่องกู้มาหรือไม่ ผู้ร้องบอกว่าไม่ ไม่มีบัตรเครดิตเพิ่ม มีแต่ก่อนหน้านี้ที่ไปเช็คเครดิตบูโร ดูไฟแนนซ์กับธนาคาร ก.มา ซึ่งทางเซลส์รีบตอบทันทีว่านั่นไงเป็นสาเหตุที่ทำให้ไม่ได้ยอดจัดไฟแนนท์ตามราคารถยี่ห้อนั้น ผู้ร้องก็บอกไปว่าผู้ร้องไม่ได้เซ็นต์คำขอกู้หรืออะไร แค่เซ็นยินยอมให้เปิดเผยเครดิตเฉย ๆ เต็นท์ก็เลยบอกว่าไฟแนนซ์ไม่ผ่านเพราะแบบนั้นเต็นท์เลยคืนเงินมัดจำไม่ได้

ประเด็นคำถาม
ผู้ร้องควรทำอย่างไรดี จะมีโอกาสได้เงินคืนหรือไม่

ความเห็นและข้อเสนอแนะ:
ข้อกฎหมาย
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 337 และมาตรา 378 (3)

การดำเนินการให้คำปรึกษา
ตามที่ผู้ร้องได้ขอคำปรึกษา ขอเรียนให้คำปรึกษาตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏ กรณีที่ผู้ร้องได้ติดต่อกับเต็นท์รถเพื่อจะซื้อรถโดยที่ผู้ร้องได้ให้เงินไว้กับเต็นท์รถซึ่งมีการตกลงกันว่า เต็นท์รถจะดำเนินการจัดหาไฟแนนซ์ให้กับผู้ร้องในการที่จะซื้อรถกับเต็นท์รถนั้น เห็นว่า ในกรณีดังกล่าวการที่ผู้ร้องได้ให้เงินกับเต็นท์รถในวันที่ตกลงกันมีลักษณะเป็นการให้มัดจำแก่กันไว้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 377 ซึ่งต่อมาการที่ทางเต็นท์รถไม่สามารถที่จะจัดหาการจัดไฟแนนซ์เพื่อซื้อรถตามที่ตกลงกันให้กับผู้ร้องได้ ถ้าผู้ร้องไม่ได้ตกลงไว้เป้นอย่างอื่นไว้นั้น เงินมัดจำที่ผู้ร้องได้ให้ไว้กับเต็นท์รถนั้น

ดังนั้น

ผู้ร้องก็ย่อมที่จะได้รับการส่งคืนจากเต็นท์รถ ถ้าฝ่ายเต็นท์รถที่รับมัดจำไว้ละเลยไม่จัดหาไฟแนนซ์เพื่อให้ผู้ร้องสามารถซื้อรถตามที่ตกลงกันไว้ได้ อันเป็นการที่ฝ่ายรับมัดจำละเลยไม่ชำระหนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 378 (3) ซึ่งผู้ร้องเพื่อจะให้ได้เงินมัดจำดังกล่าวคืน ผู้ร้องก็ควรที่จะติดต่อกับเต็นท์รถเพื่อขอรับเงินมัดจำคืนแก่ตนอีกครั้ง ถ้าหากฝ่ายผู้รับมัดจำไว้นั้นไม่คืนให้กับผู้ร้อง ผู้ร้องก็จำเป็นที่ต้องดำเนินคดีทางศาลต่อไป

เครดิต ศูนย์นิติศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์




ขอบคุณข้อมูลดีๆจากเพจ ปรึกษากฎหมายฟรี

วันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ปีนขึ้นบ้านสาวพ่อแม่ไม่ยินยอม แต่หญิงสาวยินยอม ถือว่าบุกรุกหรือไม่?



ความผิดฐานบุกรุก
เจตนารมณ์ของกฎหมายในความผิดฐานบุกรุกนั้น คุ้มครองทั้งผู้ที่มีกรรมสิทธิ์และผู้ที่ใช้สิทธิครอบครองด้วย มีรายละเอียดดังนี้
ผู้ใดเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่น
1.เพื่อถือการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน
2.เข้าไปกระทำการใดๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของเขาโดยปกติสุข
มีโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

แต่ทั้งนี้ 1. ถ้าเค้าไปด้วยการเชิฺญชวนของเจ้าบ้าน หรือผู้อาศัยนั้นก็ไม่มีความผิด 2. หรือเข้าไปด้วยความสนิท ความมักคุ้น ความคุ้นเคย 3.เข้าไปตามสิทธิที่ตนเองพึ่่งมี 4.เข้าไปโดยมีเหตุจำเป็น ก็ไม่มีความผิดตามมาตรานี้

แต่ปัญหามันเกิดเมื่อผมมาอ่านฏีกาหนึ่งซึ่งมันมีลักษณะคดีใกล้เคียงกันแต่ศาลให้ความเห็นไม่เหมือนกันคือ คำพิพากษาฎีกาที่ 12031/2556 และ คำพิพากษาฎีกาที่ 1353/2508 (ประชุมใหญ่)

คือผู้ชายเข้าบ้านฝ่ายหญิง (เข้าห้องนอนฝ่าย ญ )ไปด้วยความยินยอมของฝ่ายหญิงแต่พ่อแม่ของฝ่ายหญิงเค้าไม่รู้เห็นหรือให้ยินยอมด้วย จึงดำเนินคดีฐานบุกรุก ตูจะเชื่อฏีกาไหนดีว่ะ

คำพิพากษาฎีกาที่ 12031/2556
แม้พฤติการณ์ที่จำเลยบุกรุกเข้าไปในบ้านของผู้เสียหายที่ 1 และที่ 2 ในเวลากลางคืน 4 ครั้ง ต่างวันกัน จะส่อไปในทางที่ผู้เสียหายที่ 3 บุตรผู้เยาว์ของผู้เสียหายที่ 1 และที่ 2 รู้เห็นยินยอม แต่การที่จำเลยเข้าไปในบ้านเพื่อมีเพศสัมพันธ์กับผู้เสียหายที่ 3 โดยผู้เสียหายที่ 1 และที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านที่เกิดเหตุไม่ยินยอม ถือได้ว่าเป็นการเข้าไปโดยไม่มีเหตุอันสมควร จำเลยมีความผิดฐานบุกรุก ตาม ป.อ.มาตรา 364, 365(3)

กับ

ฎีกาที่ 1353/2508 (ประชุมใหญ่) จำเลยเข้าไปในเรือนของผู้เสียหายตอนกลางคืน เวลา 2 นาฬิกา โดยบุตรสาวของผู้เสียหายซึ่งรักใคร่กับจำเลยมาก่อนนัดให้เข้าไปและพาขึ้นเรือนของผู้เสียหาย นับว่าจำเลยเข้าไปโดยมีเหตุอันสมควร แม้ว่าผู้เสียหายและภริยาไม่อนุญาตก็เป็นไปตามวิสัยของเรื่องเช่นนี้ที่ต้องปิดบังดังนี้จำเลยไม่มีความผิดฐานบุกรุก ตามกฎหมายอาญา มาตรา 365(2) (3) (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 473/2522 และคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 915/2529 วินิจฉัยตามแนวคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1353/2508 นี้)

คำว่า "เคหสถาน" ตาม ป.อ. มาตรา 1(4) มีความหมายรวมถึง บริเวณที่ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยนั้นด้วย จะมีรั้วล้อมหรือไม่ก็ตาม ดังนั้น การที่จำเลยเข้าไปที่สนามหญ้าหน้าบ้านพัก ถือว่าเป็นการเข้าไปในเคหสถานแล้ว (ฎีกาที่ 1904/2546)

ความรักมันก็มีอุปสัก อย่างนี้แหละเอยยยยยย





ขอบคุณข้อมูลดีๆจากเพจ ปรึกษากฎหมายฟรี

ฎีกาเทียบเคียงกับกรณีสาวรถเก๋งชนกลุ่มนักปั่นเสียชีวิต/บาดเจ็บสาหัสที่จังหวัดเชียงใหม่วันที่ 03/05/2558








** ฎีกาเทียบเคียงกับกรณีสาวรถเก๋งชนกลุ่มนักปั่นเสียชีวิต/บาดเจ็บสาหัสที่จังหวัดเชียงใหม่เช้านี้ครับ

คำพิพากษาศาลฎีกา 4067/2550

การที่จำเลยขับรถในขณะเมาสุรา อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ มาตรา 43 (2), 160 วรรคสาม กับการที่จำเลยขับรถโดยประมาทแซงรถที่อยู่ข้างหน้าไปในหน้าไปในช่องเดินรถขวามือในขณะที่ผู้ตายขับสวนมา เป็นเหตุให้ชนรถจักรยานยนต์ของผู้ตายเสียหายและทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย อันเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 291 และ พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ มาตรา 43 (4), 157 นั้น เป็นการกระทำที่เกี่ยวเนื่องและเป็นผลโดยตรงที่ทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย จึงเป็นการกระทำกรรมเดียว ต้องลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 291 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด

คำพิพากษาฉบับเต็ม:

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58, 91, 291 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43, 157, 160 และจำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกมีกำหนด 1 เดือน โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ในข้อหาขับรถขณะเมาสุรา ตามคดีอาญาหมายเลขดำที่ 706/2548 หมายเลขแดงที่ 674/2548 ภายในระยะเวลาที่ศาลกำหนดรอการลงโทษจำคุกไว้ในคดีดังกล่าว จำเลยกลับมากระทำความผิดในคดีนี้อีก อันมิใช่ความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ ขอให้บวกโทษของจำเลยที่รอการลงโทษไว้ในคดีดังกล่าวเข้ากับโทษของจำเลยในคดีนี้

จำเลยให้การับสารภาพ และรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้บวกโทษ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43 (2) (4), 157, 160 วรรคสาม เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ได้รับอันตรายสาหัสและได้รับอันตรายแก่กาย (ที่ถูก ฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและฐานขับรถโดยประมาทอันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน) เป็นกรรมเดียวกัน ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 4 ปี ฐานขับรถในขณะเมาสุรา จำคุก 2 เดือน รวมจำคุก 4 ปี 2 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี 1 เดือน บวกโทษจำคุก 1 เดือน ที่ศาลรอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 674/2548 ของศาลชั้นต้น รวมจำคุก 2 ปี 2 เดือน

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำขอบวกโทษจำคุกในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 674/2548 ของศาลชั้นต้นเข้ากับโทษคดีนี้ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยว่า สมควรลงโทษจำเลยสถานเบาและรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยหรือไม่ เห็นว่า ในส่วนความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายนั้น จำเลยขับรถยนต์กระบะบรรทุกในขณะที่จำเลยเมาสุราแซงรถที่อยู่ข้างหน้าล้ำเข้าไปในช่องทางรถสวนในขณะที่รถจักรยานยนต์แล่นสวนทางมาในระยะกระชั้นชิดซึ่งเป็นการขับรถที่ฝ่าฝืนต่อกฎหมายเป็นเหตุให้เฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์ที่นายพิบูลย์ศักดิ์หรือบอยขับสวนมา รถจักรยานยนต์ดังกล่าวเสียหายและนายพิบูลย์ศักดิ์หรือบอยถึงแก่ความตาย การกระทำของจำเลยนอกจากจะเป็นการขับรถโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายแล้วยังมิได้คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ร่วมใช้ถนน ตามพฤติการณ์เป็นเรื่องร้ายแรง อีกทั้งจำเลยเคยต้องคำพิพากษาของศาลชั้นต้นในความผิดฐานขับรถในขณะเมาสุรามาครั้งหนึ่งแล้ว โดยศาลในคดีก่อนให้โอกาสจำเลยโดยรอการลงโทษจำคุกไว้ แต่จำเลยไม่เข็ดหลาบกลับมากระทำความผิดในลักษณะเดียวกันอีก แม้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ฝ่ายผู้ตายจนไม่ติดใจเอาความแก่จำเลย และจำเลยมีภาระต้องเลี้ยงดูครอบครัว ก็ไม่มีเหตุเพียงพอที่จะลงโทษจำเลยให้เบาลงอีกและรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษามานั้นเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น

อนึ่ง การที่จำเลยขับรถในขณะเมาสุรา อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43 (2), 160 วรรคสาม กับการที่จำเลยขับรถโดยประมาณแซงรถที่อยู่ข้างหน้าไปในช่องเดินรถขวามือในขณะที่ผู้ตายขับสวนมาเป็นเหตุชนรถจักรยานยนต์ของผู้ตายเสียหายและทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 และพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43 (4), 157 นั้น เป็นการกระทำที่เกี่ยวเนื่องและเป็นผลโดยตรงที่ทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย จึงเป็นการกระทำกรรมเดียว ต้องลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยฐานขับรถขณะเมาสุราเป็นความผิดอีกกระทงหนึ่งนั้น จึงเป็นการมิชอบ ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขเสียให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225"

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43 (2) (4), 157, 160 วรรคสาม เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามประมวลกฎมายอาญา มาตรา 291 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 4 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 จำคุก 2 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6

เนื้อหา ที่มา เพจฏีกาน่าสนใจ
รูปภาพ ที่มา เพจDrama-addict


ขอบคุณข้อมูลดีๆจากเพจ ปรึกษากฎหมายฟรี


ป้ายกำกับ

คลังรูปภาพ ความรู้เกี่ยวกับเว็บไซต์ ความรู้เทคนิคเคล็ดลับ คำคมโดนๆจากหลายสำนัก เคล็ดลับสาระน่ารู้ โดเมนโฮสติ้ง ตำนานประวัติศาสตร์ แนะนำหนัง สนุก มัน ซึ้ง บทความดีๆที่น่าอ่าน บล็อกและเว็บไซต์ ประเพณีพื้นบ้านไทย ปริศนาโลก ภาพสวยอาร์ตหลากอารมณ์ มุมมองเกี่ยวกับความรัก มุมมองความรัก รวมภาพตุ๊กตาน่ารัก รวมภาพสัตว์น่ารัก รวมภาพสาวเซ็กซี่น่ารัก รวมภาพอาร์ตๆ เรื่องของเห็ดๆ เรื่องจริงที่ไม่น่าเชื่อ เรื่องราวลี้ลับพิศวง วัดพระธาตุนครพนม เว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ สถานที่ท่องเที่ยว จ.ชัยภูมิ สถานที่ท่องเที่ยว จ.นครพนม สถานที่ท่องเที่ยวจากทั่วโลก สถานที่ท่องเที่ยวไทย สร้างรายได้ออนไลน์ สังคมและกฎหมาย สูตรการทำอาหาร อัพเดทสังคมออนไลน์ Anime ภาพการ์ตูนสวยๆ App มือถือ blogger facebook Gif ภาพเคลื่อนไหว Google Opencart Wallpapers

ที่ได้รับความนิยม

รายการ

คลังรูปภาพ ความรู้เกี่ยวกับเว็บไซต์ ความรู้เทคนิคเคล็ดลับ คำคมโดนๆจากหลายสำนัก เคล็ดลับสาระน่ารู้ โดเมนโฮสติ้ง ตำนานประวัติศาสตร์ บทความดีๆที่น่าอ่าน บล็อกและเว็บไซต์ ประเพณีพื้นบ้านไทย ปริศนาโลก ภาพสวยอาร์ตหลากอารมณ์ มุมมองเกี่ยวกับความรัก มุมมองความรัก รวมภาพสัตว์น่ารัก รวมภาพสาวเซ็กซี่น่ารัก รวมภาพอาร์ตๆ เรื่องของเห็ดๆ เรื่องจริงที่ไม่น่าเชื่อ เรื่องราวลี้ลับพิศวง เว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ สถานที่ท่องเที่ยวจากทั่วโลก สถานที่ท่องเที่ยวไทย สร้างรายได้ออนไลน์ สังคมและกฎหมาย สูตรการทำอาหาร อัพเดทสังคมออนไลน์ Anime ภาพการ์ตูนสวยๆ blogger facebook Gif ภาพเคลื่อนไหว Google Opencart Wallpapers

Booyah*

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Our Office

คลังบทความ